หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันกลุ่มแรงงานทั้งในและนอกระบบของประเทศไทย เคยประสบอันตรายหรือเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานคิดเป็น ร้อยละ 13.28 ของแรงงานทั้งหมดทั่วประเทศ โดยแบ่งความถี่ของการเกิดอุบัติเหตุตามลักษณะการบาดเจ็บจากมากไปน้อย ได้ดังนี้ 1) ของมีคมบาด/ทิ่ม/แทง, 2) พลัดตกหกลิ้ม, 3) การชน/กระแทก โดยวัสดุ, 4) ถูกไฟ/น้ำร้อนลวก, 5) อุบัติเหตุจากยานพาหนะ, 6) ได้รับสารเคมี, 7) ไฟฟ้าช็อต และ 7) อื่นๆ ตามลำดับ และเมื่อพิจารณาถึงความรุนแรงของการเกิดอุบัติเหตุพบว่า การประสบอันตรายหรือการเจ็บป่วยส่วนใหญ่ หยุดงานไม่เกิน 3 วัน คิดเป็นร้อยละ 68.61 รองลงมา ได้แก่หยุดงาน 3 วัน คิดเป็นร้อยละ 28.08 และเสียชีวิต คิดเป็นร้อยละ 0.57 (สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค, 2556)
การประสบอันตรายหรือการเกิดอุบัติเหตุของแรงงาน นอกจากความสูญเสียที่เกิดกับพนักงานแล้วนั้น ยังส่งผลต่อองค์กร ทั้งทางตรงและทางอ้อม อันได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล, ค่าเงินทดแทน, การสูญเสียเวลา จากการช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น รวมไปถึง ค่าทำขัวญ ค่าทำศพ และค่าประกันชีวิต เป็นต้น ทั่งนี้หน่วยงาน องกรค์ต่างๆ สามารถลดความรุนแรงความสูญเสียดังกล่าวนี้ได้โดยการให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ประสบอันตรายอย่างถูกต้องและทันท่วงที รวมถึงการส่งต่อผู้บาดเจ็บไปยังแพทย์หรือสถานพยาบาลได้อย่างเหมาะสม รวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บาดเจ็บมีโอกาสรอด และสามารถกลับเข้ามาปฏิบัติงานได้เป็นปกติในไม่ช้า
ดังนั้นการอบรมหลักสูตรปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานให้กับพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ภายในองกรค์จึงเป็นสิ่งที่สําคัญอีกทั้งยังเป็นการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดตาม กฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางานเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. ๒๕๕๕
ข้อ 28 (2) ระบุให้ต้องจัดให้ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัยรับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย การใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในการดับเพลิง การปฐมพยาบาล และการช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน
ซึ่งการฝึกอบรมจะทําให้ผู้เข้าอบรมได้รับความรู้ที่ถูกต้องและได้รับการฝึกฝนจนชํานาญ สามารถ นําความรู้และทักษะที่ได้จากการอบรมไปใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้อื่นได้ในภาวะฉุกเฉิน ก่อนนําส่งสถานพยาบาลต่อไป
วัตถุประสงค์
1) เพื่อให้ผู้เข้าร่วมการอบรมมีความรู้และทักษะในเรื่องการปฐมพยาบาลและการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน
2) เพื่อให้ผู้เข้าร่วมการอบรมสามารถช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยให้พ้นจากอันตรายได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพก่อนนําส่งโรงพยาบาล
3) เพื่อลดความรุ่นแรงและความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการประสบอันตราย
4) เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเกิดความตระหนักถึงความรุนแรง จากการประสบอันตรายในลักษณะต่างๆ
5) เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมสามารถนำความรู้ไปประยุคต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
คุณสมบัติผู้เข้าอบรม
เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย, ทีมปฐมพยาบาลประจําบริษัท, หัวหน้างาน, พนักงานบริษัท หรือผู้ที่สนใจทั่วไป
จำนวนผู้เข้าอบรม/รุ่น จำนวน 1-40 ท่าน/รุ่น
วิธีการฝึกอบรม บรรยาย / กรณีศึกษา / ฝึกภาคปฏิบัติ
วิธีการประเมินผลและเกณฑ์การวัดผล - ระยะเวลาเข้ารับการฝึกอบรม 100% จำนวน 6 ชั่วโมง - แบบทดสอบก่อน และหลังการฝึกอบรม
สิ่งที่จะได้รับหลังการอบรม วุฒิบัตรผ่านการอบรม
กำหนดการฝึกอบรม หลักสูตร ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยฟื้นคืนชีพ
เวลา | รายละเอียด |
---|---|
08.30-09.00 น. | ลงทะเบียน
ทำแบบทดสอบก่อนการฝึกอบรม |
09.00-10.30 น. | ภาคทฤษฎี 1) การประเมินสภาพผู้ป่วย/ผู้บาดเจ็บ 2) การปฐมพยาบาลผู้ที่ภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉิน (ผู้ป่วยเป็นลม, ผู้ป่วยชักเกร็ง, แผลไฟไหม้/น้ำร้อนลวก, การช่วยเหลือคนจมน้ำ) |
10.30-10.45 น. | พักเบรค |
10.45-12.00 น. | 3) ชนิดบาดแผล (บาดแผลปิด, บาดแผลเปิด) และการห้ามเลือด 4) การปฐมพยาบาลเบื้องต้น กรณีกระดูกหัก ข้อเคลื่อน, บาดแผลที่ถูกแทง/วัสดุปักคาและไม่ปักคา 5) การปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้ถูกไฟฟ้าช็อต, อวัยะถูกตัดขาด 6) การปฐมพยาบาลเบื้องต้นกรณีโดนสัตว์ทำร้ายทั้งที่มีพิษและไม่มีพิษ |
12.00-13.00 น. | พักรับประทานอาหาร |
13.00-14.30 น. | ภาคปฏิบัติ 7) การปฐมพยาบาลและการเคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บ 8) การปฐมพยาบาลกรณีสำลักอาหาร ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ |
14.30-14.45 น. | พักเบรค |
14.45-15.30 น. | ภาคปฏิบัติ (ต่อ) 9) การฝึกปฏิบัติการช่วยชีวิตพื้นฐานโดยการทำ CPR และการใช้เครื่อง AED ทำแบบทดสอบหลังฝึกอบรม |
15.30-16.00. น. | 10) จำลองสถานการณ์ซ้อมแผนฉุกเฉิน |