อบรมความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อป้องกันเหตุอันตรายที่ไม่คาดฝัน

การป้องกันเหตุอันตรายที่ไม่คาดฝัน ด้วยการอบรมความปลอดภัยในการทำงาน

ปัจจุบันเราใช้ชีวิตอยู่ในที่ทำงานอย่างน้อยวันละ 8-9 ชั่วโมง และถ้าเป็นหน่วยงานใหญ่ที่ต้องมีการทำงานอย่างเร่งด่วนมีการทำงานที่ต้องทำโอที เราก็จะอยู่ในที่ทำงานไม่น้อยกว่าวันละ 11 ชั่วโมงขึ้นไป และการทำงานต่อเนื่องลักษณะแบบนี้ มีโอกาสเป็นไปได้สูงอย่างมากว่า เราอาจจะเหนื่อยล้าจากการทำงาน มีโอกาสที่เราจะเกิดอุบัติเหตุในระหว่างการทำงานหนัก โดยเฉพาะกับผู้คนที่จะต้องทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรใหญ่หรือจะต้องทำงานเสี่ยงกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรืออุปกรณ์ที่ก่ออันตรายให้กับตัวเราเองง่าย ๆ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่ต้องทำงานคุมกับเครื่องจักรตลอดเวลา การทำงานต่อเนื่องโดยที่ไม่ได้หยุดพัก และเป็นการทำงานต่อเนื่องหลายวันติดกัน อาจจะมีโอกาสที่เหนื่อยล้าและทำให้เรานั้นเกิดอุบัติเหตุจากที่ทำงานได้ง่าย เราจึงควรจะต้องมีการเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการป้องกันอุบัติภัยอุบัติเหตุในที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง 

หลายคนอาจจะคิดว่าทำงานมานานมีประสบการณ์สูง ความที่มีประสบการณ์สูงเป็นไปได้อย่างมากที่จะเกิดโอกาสกับเราเพิ่มมากยิ่งขึ้น ด้วยความชะล่าใจด้วยความที่เราคุ้นเคยและชินกับสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำ การป้องกันอันตรายจึงลดลงไปเรื่อยๆ เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาการเสียหายจึงค่อนข้างที่จะเสียหายมากกว่าผู้ที่เรียนรู้และป้องกันตนเองอยู่ตลอดเวลา สำหรับผู้ที่ต้องทำงานอยู่กับที่เดิมเป็นเวลานาน อาจจะมีการแบ่งเวลาและทำการผ่อนคลายร่างกายอย่างสม่ำเสมอยกตัวอย่างเช่น

  • มีการพักเบรคทุก ๆ 2 ชั่วโมง มาพักสายตาประมาณ 10-15 นาที ผ่อนคลายความเครียดของการทำงานให้การทำงานในรอบถัดไปมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • มีการจัดเบรคให้กับพนักงานพร้อมกัน หยุดการทำงานเป็นเวลา 10 นาที อาจจะมีการยืดเส้นยืดสายหรือการออกกำลังกายในระหว่างการทำงานอย่างเช่น คนที่ต้องทำงานนั่งต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน เปลี่ยนอริยาบทบ้างลุกขึ้นมามีการขยับประกอบกับจังหวะเพลงประมาณ 10-15 นาที ได้พูดคุยละสายตาจากที่ทำงานตรงหน้ากันบ้าง เป็นการลดความเครียดของสมองและกล้ามเนื้อ แถมยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้นอีกด้วย
  • มีการสับเปลี่ยนเวรอยู่เป็นประจำ ไม่ทำงานซ้ำเดิมอยู่ต่อเนื่องจนเกินไป ถึงแม้ว่าเราจะต้องทำงานรูปแบบเดิมอย่างน้อย 8 ถึง 10 ชั่วโมง แต่การเปลี่ยนสถานที่ทำงานหรือเปลี่ยนมุมทำงาน ก็จะมีความแปลกใหม่และทำให้มีความตื่นตัวในสถานที่ใหม่การขยับปรับเปลี่ยนมุมเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้การทำงานนั้นมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
  • การทำแบบนี้เป็นการกระตุ้นการตื่นตัวของร่างกาย บางคนนั่งทำงานต่อเนื่องด้วยความอ่อนล้า ยิ่งทำงานประสิทธิภาพงานก็ยิ่งลดลง การได้ผ่อนคลายสมองการได้คลายความเครียดบ้างเล็กน้อย เปรียบเป็นการชาร์จไฟให้กับตัวเองแล้วมาเริ่มงานใหม่ด้วยความกระตือรือร้นประสิทธิภาพงานจะดีขึ้น มีคนที่ประเมินออกมาแล้วว่าการหยุดพักทุก ๆ 2 ชั่วโมงเป็นเวลา 10-15 นาที ประสิทธิภาพงานจะดีต่อเนื่องคุณภาพงานจะไม่ลดลง แต่การทำงานต่อเนื่องชิ้นงานที่ออกมาช่วงหลังจะเป็นชิ้นงานที่มีคุณภาพด้อยกว่าตอนเริ่มแรก

การออกกำลังกายหรือการปรับเปลี่ยนระบบเป็นการป้องกันอันตรายจากตัวเราเองเริ่มต้น

การเริ่มต้นดูแลความปลอดภัยในที่ทำงานจากตัวเราเองถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญ เราอาจจะได้รับการเรียนรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติในการป้องกันอันตรายจากการทำงานที่ทำอยู่ ถึงแม้จะเป็นการทำงานที่เกี่ยวกับเอกสารเกี่ยวกับระบบการทำงานทั้งหมด ดูไปแล้วอาจจะไม่ค่อยมีผลกระทบในเรื่องของอุบัติเหตุในการทำงาน แต่การเรียนรู้วิธีการป้องกันโรคนี้การเรียนรู้ป้องกันอุบัติเหตุในที่ทำงานต่าง ๆ รวมถึงการแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดอันตรายขึ้นในหน่วยงาน จำเป็นที่ทุกคนจะต้องเข้ามาเรียนรู้พร้อมกัน การเริ่มต้นจากการให้พนักงานสร้างความกระชุ่มกระชวย มีการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาถือว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และเพิ่มการป้องกันอันตรายรอบตัวจากตนเองอีกด้วย

การเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการป้องกันอันตรายในหน่วยงาน มีการอบรมเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายในหน่วยงาน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเป็นเรื่องที่ลดความเสี่ยงอันตรายความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุในหน่วยงานได้เป็นอย่างดี ประสิทธิภาพที่จะได้มาหลังจากที่เราได้เรียนรู้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความรู้ประดับตัวเพียงอย่างเดียว เรายังนำเรื่องราวเหล่านี้มาปรับเปลี่ยนและพัฒนาในส่วนของการทำงานเพิ่มเติมได้อีกด้วย ยิ่งเรามีความรู้มากแล้วดัดแปลงอีกเล็กน้อยยิ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากยิ่งขึ้น ทุกหน่วยงานควรมีการอบรมอย่างต่อเนื่องและมีการนำมาปรับใช้กับตนเองอยู่ตลอดเวลาด้วยเช่นกัน