ตรวจระบบไฟฟ้าประจำปีเป็นการเช็คความพร้อมสำหรับการทำงาน

การตรวจเช็คระบบไฟฟ้าประจำปีถือว่าเป็นเรื่องสำคัญในหน่วยงาน หน่วยงานแต่ละที่มีการทำงานอย่างต่อเนื่องและมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน เมื่อมีการขยายงานก็จะต้องมีการเดินระบบไฟฟ้าเพื่อใช้งานตามส่วนต่าง ๆ ยกตัวอย่างง่ายที่สุดอย่างการขยายงานในออฟฟิศ การทำงาน  Office จะมีเรื่องของระบบไฟฟ้าใช้งานเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องปริ้นเตอร์ เครื่องใช้สำนักงานเกือบทุกชนิดจัดเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมด หลายคนอาจจะดูว่าเป็นการใช้ไฟฟ้าที่ไม่มากเท่าไหร่ แต่เมื่อเทียบกับความเป็นจริงแล้วเป็นการใช้ไฟฟ้าต่อเนื่องและยาวนานถือว่าเป็นการใช้ฟ้าที่มากกว่าการทำงานหลาย ๆ ประเภทเป็นอย่างมาก

และการตรวจสอบระบบไฟฟ้าในออฟฟิศถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น บางคนต่อปลั๊กพ่วงหรือกระจายจุดการใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน เมื่อได้มาสังเกตอีกครั้งก็พบว่าอุปกรณ์เหล่านี้เกิดอาการเสื่อม มีไฟไหม้ตามจุดต่าง ๆ โชคดีตรงที่ว่าการใช้งานยังไม่เกิดอันตรายกับผู้ที่ใช้งานและในสำนักงานเอง แต่ถ้าเกิดว่าอุปกรณ์เหล่านี้มีการใช้งานต่อเนื่องโดยที่ไม่ทันได้สังเกตโอกาสที่จะเกิดอันตราย โอกาสที่จะสูญเสียทรัพย์สินเข้าของต่าง ๆ ก็เป็นไปได้ 100%  มันจึงเป็นความสำคัญตรงที่ว่าเราควรจะมีการตรวจอุปกรณ์เหล่านี้ โดยตามหลักความเป็นจริงแล้วผู้ใช้งานควรจะต้องทำการสำรวจอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ทุกวัน การสังเกตที่ง่ายที่สุดสามารถดูในส่วนพื้นฐานได้ 3 ข้อ 

3 ข้อในการตรวจสอบระบบไฟฟ้าด้วยตนเอง

1 สังเกตดูความร้อนที่ออกมาจากปลั๊กไฟหรือสายไฟ

เราสามารถสังเกตความร้อนที่ออกมาจากปลั๊กไฟหรือสายไฟได้ในเวลาที่เรามีการใช้งาน ถ้ามีการใช้งานมากจนเกินไปแล้วสายไฟมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น ปลั๊กที่เราใช้งานมีอาการร้อนสังเกตเห็นได้ชัดแบบนี้แปลว่าอุปกรณ์การใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าของเราอาจจะจ่ายไฟไม่เพียงพอ มีการดึงกระแสไฟฟ้ามากยิ่งขึ้นทำให้อุปกรณ์เหล่านี้มีโอกาสที่จะเสียหายและเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้

สังเกตรอยไหม้หรือรอยดำตามอุปกรณ์การใช้งาน

เราสามารถสังเกตอุปกรณ์การใช้งานที่เป็นระบบไฟฟ้าได้ด้วยตนเอง ด้วยการสังเกตดูที่ปลั๊กของการใช้งาน ปัจจุบันเรามีการใช้งานต่อพ่วงปลั๊กอย่างน้อย 1 จุดในที่ทำงานของเรา อย่างเช่น เราทำงานที่โต๊ะทำงานของเรา เราจะต้องมีการเสียบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พัดลม สายชาร์จโทรศัพท์อาจจะรวมไปถึงเครื่องปริ้นเตอร์สำหรับการใช้งานเฉพาะบุคคล จะต้องมีการต่อพ่วงอุปกรณ์เหล่านี้ผ่านกับปลั๊กพ่วงหรือมีการใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงอย่างแน่นอน ถ้าปลั๊กเสียบของเราไม่มั่นคงไม่แน่นพอจะเกิดอาการที่เรียกว่าการช็อต จะมีรอยไหม้ดำที่ปลั๊กกไฟอย่างชัดเจน การทำงานยังดูเหมือนเป็นการทำงานปกติแต่จะเริ่มมีการไหม้เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าเราเสียบเอาไว้นาน ขาดการดูแล แล้วถ้าเป็นการเสียบแบบไม่มีการปิดสวิตช์ ถ้าเกิดเหตุอันตรายในช่วงค่ำคืนก็เป็นไปได้ว่าจะต้องสูญเสียทรัพย์สินและสูญเสียข้าวของเงินทองไม่น้อยด้วยเช่นกัน

3 มีกลิ่นเหม็นไหม้

อุปกรณ์การเชื่อมต่อไฟฟ้าลักษณะจะเป็นอุปกรณ์ที่ป้องกันหรือเรียกว่าฉนวนกันไฟฟ้า จะทำมาด้วยไฟเบอร์กลาสหรือพลาสติก ถ้าเกิดมีกลิ่นเหม็นไหม้โดยไม่ทราบสาเหตุให้รีบทำการตรวจสอบทุกสิ่งอย่างกันเสียก่อน เริ่มจากจุดที่เราอยู่แล้วไล่ไปจนถึงต้นขั้วเราจะพบเจอได้ว่า มีบางจุดที่อาจจะกำลังเกิดอาการช็อตและมีอาการไหม้ ไปรีบทำการแก้ไขในทันที อาการเหล่านี้เกิดมาจากการใช้ไฟฟ้ามากจนเกินไป หรืออุปกรณ์เชื่อมต่อนั้นไม่แน่น มีการขยับเขยื้อนได้ตลอดเวลาก็เกิดอาการเหล่านี้ได้ด้วยเช่นกัน

การตรวจสอบอุปกรณ์การใช้ไฟฟ้าเบื้องต้น เราจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบด้วยตนเองอยู่สม่ำเสมอโดยเฉพาะการใช้งานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องและยาวนาน การตรวจสอบสิ่งรอบตัวเราเราควรจะต้องตรวจสอบในทุกวัน เป็นไปได้เราควรจะทำการเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านี้ ขยายสายไฟเพิ่มขนาดของสายไฟให้ใหญ่พร้อมที่จะจ่ายไฟได้มากยิ่งขึ้น ได้ลดความเสี่ยงเรื่องของอันตรายลงไปในตัวด้วย การตรวจสอบอุปกรณ์เหล่านี้ไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้เจ้าหน้าที่มาทำการตรวจสอบให้กับตัวเรา โดยปกติการทำงานโดยทั่วไปเราจะไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงปลีกย่อยในการใช้งาน แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันอุปกรณ์การใช้งานทุกสิ่งอย่างผ่านระบบไฟฟ้าทั้งหมด เราจึงต้องทำการต่อพ่วงกับอุปกรณ์เหล่านี้ อย่างน้อยที่สุดสายเมนหลักสายนำพาไฟฟ้ามาควรจะมีสายที่ใหญ่กันความร้อนได้สูง ก็จะช่วยได้เป็นอย่างดี