การตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยง

บทความโดย: อาจารย์ ประวิทย์ เทพสงเคราะห์

กฎหมายได้มีการบังคับให้นายจ้าง ต้องจัดให้มีการตรวจสุขภาพของลูกจ้าง

ฉบับเก่า “ กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพของลูกจ้างและส่งผลการตรวจแก่พนักงานตรวจแรงงาน .. 2547 ” 

ปัจจุบันกฎหมายที่เกี่ยวกับการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงได้มีการปรับปรุงให้มีความทันสมัยมากขึ้น

ฉบับใหม่ เรื่อง “ กฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานการตรวจสุขภาพลูกจ้าง ซึ่งทำงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง .. 2563 ” ได้ออกมายกเลิกกฎกระทรวง พ.ศ. 2547 แล้ว เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2563

บทนำ:

การตรวจสุขภาพ คืออะไร ?

การตรวจสุขภาพ  หมายถึง การตรวจร่างกายและสภาวะทางจิตใจตามวิธีทางการแพทย์ เพื่อให้ทราบถึงความเหมาะสมของสภาวะสุขภาพของลูกจ้าง หรือผลกระทบต่อสุขภาพของลูกจ้างอันอาจเกิดจากการทำงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง

คุณสมบัติแพทย์ที่ตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยง

ต้องเป็นแพทย์ซึ่งได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงอาชีวเวชศาสตร์ หรือผ่านการอบรมด้านอาชีวเวชศาสตร์ ตามหลักสูตรที่กระทรวงสาธารณสุขรับรอง

งานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง มีอะไรบ้าง ?

งานที่ลูกจ้างทำเกี่ยวกับ

  1. สารเคมีอันตรายตามที่อธิบดีประกาศกำหนด โดยดูจาก ประกาศกระทรวงแรงงาน “ เรื่อง กำหนดสารเคมีอันตรายที่ให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจสุขภาพของลูกจ้าง พ.ศ. 2552
  2. จุลชีวันเป็นพิษที่อาจเป็นเชื้อไวรัส แบคทีเรีย รา หรือสารชีวภาพอื่น
  3. กัมมันตภาพรังสี
  4. ความร้อน ความเย็น ความสั่นสะเทือน ความกดดันบรรยากาศ แสง หรือเสียง
  5. สภาพแวดล้อมอื่นที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของลูกจ้าง เช่น ฝุ่นฝ้าย ฝุ่นไม้ ไอควันจากการเผาไหม้

หากให้ลูกจ้างทำงาน ตามลักษณะงานด้านบน ต้องจัดให้ลูกจ้างผู้นั้นได้รับการตรวจสุขภาพตามความเสี่ยงนั้น

การตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงแบ่งออกเป็น 2 แบบ

  1. การตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงาน
    ทางบริษัทจะต้องกำหนดรายการที่ต้องตรวจสุขภาพ เพื่อให้พนักงานทำการตรวจสุขภาพและนำผลการตรวจนั้นมายืนยันกับบริษัทก่อนวันเริ่มงาน โดยส่วนใหญ่รายการตรวจสุขภาพ ก็จะเป็นรายการตรวจสุขภาพพื้นฐานทั่วๆไป ที่สำคัญการตรวจก่อนเริ่มงานนี้จะเป็นตัวยืนยันว่าก่อนที่ลูกจ้างจะเข้ามาทำงานกับเรานั้นลูกจ้างมีสุขภาพแข็งแรงหรือมีโรคประจำอะไรหรือไม่ เช่น หูตึงมาอยู่แล้ว หรือ มีสารเคมีในเลือดมาอยู่ก่อนแล้ว หากบริษัทไม่มีการตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงานหลายครั้งเมื่อพนักงานลาออกและมีการฟ้องร้องว่าได้รับผลกระทบด้านสุขภาพเพราะสภาพแวดล้อมในโรงงาน นายจ้างก็จะเอาผลตรวจก่อนเริ่มงานนี้ไปยืนยันกับราชการหรือชั้นศาลได้ หากบริษัทไหนไม่มีการตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงานก็ค่อนข้างที่จะต้องรับความเสี่ยงตรงนี้เช่นกัน
  2. การตรวจสุขภาพประจำปี
    เป็นการตรวจสุขภาพทั่วไปตามตำแหน่งงานต่างๆและความเสี่ยงในการสัมผัสเช่น แสง เสียง ความร้อน สารเคมี เพื่อดูว่าสุขภาพในแต่ละปีนั้นลูกจ้างมีสุขภาพปกติดีอยู่และสามารถทำงานได้อยู่หรือไม่

ระยะเวลาในการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงนายจ้างจะต้องจัดให้มีดังนี้

  • การตรวจสุขภาพครั้งแรก ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่รับลูกจ้างเข้าทำงาน และจัดให้ตรวจสุขภาพครั้งถัดไป อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  • กรณีที่ลักษณะหรือสภาพงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง มีความจำเป็นต้องตรวจสุขภาพ ให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจสุขภาพลูกจ้างตามระยะเวลานั้น เช่น งานอับอากาศ งานที่สูง งานที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีอันตราย เป็นต้น

อบรม จป ออนไลน์ - insert บทความ

  • กรณีที่นายจ้างเปลี่ยนงานที่ปัจจัยเสี่ยงของลูกจ้างแตกต่างไปจากเดิม ให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจสุขภาพลูกจ้างทุกครั้งให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่เปลี่ยนงาน

ทำไมต้องตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยง ตามระยะเวลาที่ต่างกัน ?

เหตุผลเพื่อเฝ้าระวังความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับลูกจ้าง เมื่อนายจ้างให้ลูกจ้างทำงานที่มีความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งอาจทำให้สภาวะสุขภาพของลูกจ้างเปลี่ยนไปจากเดิม (ผลสุขภาพก่อนเข้าทำงาน)

ตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยง ในสถานประกอบกิจการ โรงงานเริ่มต้นอย่างไรดี ?

ก่อนอื่นส่วนใหญ่มักเริ่มจากเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน หรือ จป. ทำการประเมินความเสี่ยงแต่ละแผนกถึงการรับสัมผัสกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่พนักงานของเรานั้นได้สัมผัส โดยนำหลักการประเมินเช่น ความถี่ ระยะเวลา และ ความรุ่นแรงมาประเมินที่สำคัญต้องรู้ก่อนว่าลักษณะการทำงานของพนักงานแต่ละคนต้องทำอะไรบ้างและประเมินจากความเป็นจริงเท่านั้นตัวอย่าง

– มีการสัมผัสสารเคมีอันตรายอะไร ชนิดไหน 
– มีการทำงานกับเสียงดัง
– มีการทำงานกับแสงจ้า
– มีการทำงานกับความร้อน เป็นต้น

โดยส่วนใหญ่เป็นหน้าที่ จป. (เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน) เป็นผู้วิเคราะห์และประเมินความเสี่ยง เพื่อนำรายการความเสี่ยงต่างๆที่พนักงานสัมผัสมาจัดโปรแกรมการตรวจสุขภาพให้กับพนักงานแต่ละคน หรืออาจใช้บริการของสถานบริการตรวจสุขภาพ ที่มีบริการสำรวจหน้างานแล้วจัดโปรแกรมการตรวจให้ก็ได้เช่นกัน

เมื่อเราได้โปรแกรมการตรวจสุขภาพมาแล้วก็เริ่มหาสถานบริการตรวจสุขภาพโดยแต่ละสถานบริการจะนำเสนอรูปแบบการตรวจ และ โปรโมชั่นมากมายเพื่อดึงดูดความสนใจ ให้เราใช้บริการ  โดยโปรแกรมที่สถานบริการเสนอมา ก็มีทั้งโปรแกรมการตรวจสุขภาพพื้นฐาน และโปรแกรมการตรวจตามปัจจัยเสี่ยง ซึ่งโปรแกรมการตรวจสุขภาพพื้นฐาน ก็อยู่ที่เราตกลงกับทางสถานบริการว่าจะตรวจในลักษณะไหน บางบริษัทก็จะแบ่งตามช่วงอายุ บางบริษัทก็ใช้โปรแกรมการตรวจพื้นฐานที่เหมือนกันทุกคนทั้งบริษัท และ ตรวจเพิ่มเข้าไปในส่วนของปัจจัยเสี่ยง 

ทางสถานบริการตรวจสุขภาพ ก็จะเสนอราคาโปรโมชั่น ในการตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ ให้กับพนักงานในบริษัท ในราคาที่ถูกกว่าปกติ เช่น การตรวจมะเร็งต่างๆ  ซึ่งก็อยู่ที่ความสมัครใจของพนักงานเองว่าจะตรวจหรือไม่

ในการพิจารณาในการเลือกสถานบริการตรวจสุขภาพ ไม่ควรคำนึงแค่ราคาหรือโปรโมชั่น เพียงอย่างเดียว เพราะจากประสบการณ์ วันที่เราได้จัดให้มีการตรวจสุขภาพภายในบริษัทฯ จะมีพนักงานบางส่วนที่ไม่สามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพได้ เช่น ติดภาระกิจ ประชุม หรือ ทำโอทีในกระบวนการผลิต อื่นๆ  กลุ่มคนเหล่านี้จะต้องเดินทางไปตรวจสุขภาพเองที่สถานบริการตรวจสุขภาพที่บริษัทฯได้เลือกไว้ให้  ดังนั้นสถานที่ จึงเป็นส่วนสำคัญหากเราเลือกสถานบริการตรวจสุขภาพที่มีระยะทางไกลมากไป จะทำให้พนักงานส่วนที่เหลือ ไม่สามารถเดินทางไปตรวจด้วยตนเองได้ หรือเดินทางยากลำบากนั้นเอง

และ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างมาก คือการตรวจสมรรถภาพปอด โดยวิธีการเป่าปอด ในช่วงสถานการณ์ COVID-19  จะเป็นการแพร่เชื้อโรคหรือไม่ หากจำเป็นต้องตรวจโดยวิธีการเป่าปอด ก็ต้องมีมาตรการหรือวิธีการป้องกันเป็นอย่างดี เช่น จากปกติการเป่าปอด เราจะจัดในห้องแอร์ ก็เปลี่ยนสถานที่ เป็นที่โล่งแจ้ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก  และ ต้องเว้นระยะห่างมากพอ  มีฉากกั้น ระหว่างผู้เป่าปอด กับบุคลากรที่ทำการตรวจสุขภาพ รวมทั้ง PPE ในการป้องกัน และการทำความสะอาดเครื่องเป่าปอดด้วย

ผลการตรวจสุขภาพ

เมื่อเราจัดให้มีการตรวจสุขภาพแล้ว เราก็ต้องมีสมุดสุขภาพประจำตัวของลูกจ้างที่ทำงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงด้วย ซึ่งสมุดสุขภาพ ก็มีรูปแบบที่กำหนดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว  และต้องมีการบันทึกผลการตรวจสุขภาพในสมุดสุขภาพประจำตัวของลูกจ้าง

นายจ้างต้องเก็บบันทึกผลการตรวจสุขภาพลูกจ้าง ที่ทำงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงไว้ ณ สถานประกอบกิจการไม่น้อยกว่า 2 ปี นับแต่วันที่สิ้นสุดการจ้าง แต่หากงานที่ลูกจ้างทำ มีปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดโรคมะเร็งจากการทำงานตามประกาศกระทรวงแรงงานว่าด้วยการกำหนดชนิดของโรคที่เกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหรือเนื่องจากการทำงาน ให้เก็บไว้ไม่น้อยกว่า 10 ปี นับแต่วันที่สิ้นสุดการจ้าง

หากพบผลการตรวจสุขภาพลูกจ้างที่ทำงานกับปัจจัยเสี่ยงผิดปกติ หรือลูกจ้างมีอาการหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานนายจ้างต้องรีบให้การรักษาทันทีและตรวจสอบหาสาเหตุความผิดปกติเพื่อป้องกันต่อไป และนายจ้างต้องส่งผลการตรวจสุขภาพลูกจ้างที่ผิดปกติหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน การให้การรักษา และการป้องกันแก้ไข ต่อพนักงานตรวจความปลอดภัย ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ทราบความผิดปกติหรือการเจ็บป่วยของลูกจ้าง

ในกรณีที่มีหลักฐานทางการแพทย์ระบุว่า ลูกจ้างผู้นั้นไม่สามารถทำงานในหน้าที่เดิมได้ นายจ้างต้องเปลี่ยนงานให้ลูกจ้าง โดยต้องคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้างเป็นเรื่องสำคัญ

สุดท้าย

การแจ้งผลการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงให้ลูกจ้างได้รู้

  • กรณีผลการตรวจสุขภาพผิดปกติ ให้แจ้งให้ลูกจ้างผู้นั้นภายใน 3 วัน นับแต่วันที่ทราบผลการตรวจ
  • กรณีผลการตรวจสุขภาพปกติ ให้แจ้งให้ลูกจ้างผู้นั้น ภายใน 7 วัน  นับแต่วันที่ทราบผลการตรวจ
  • นายจ้างมอบสมุดสุขภาพประจำตัวให้แก่ลูกจ้างที่ทำงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง เมื่อสิ้นสุดการจ้าง

บริการแนะนำเผื่อคุณสนใจ

ดูหลักสูตรทั้งหมด

อบรมความปลอดภัยในการทำงานมากกว่า 100+ หลักสูตร

สินค้า PPE

สินค้าอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล

ตรวจรับรองวิศวกรรม

ตรวจสอบระบบวิศวกรรมในโรงงานโดยวิศวกรมืออาชีพ