การใช้งานรถยก หรือ “รถโฟล์คลิฟท์” (Forklift) ในสถานประกอบการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม คลังสินค้า หรือสถานที่ก่อสร้าง เป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ผู้ขับขี่จะต้องผ่านการอบรมโฟล์คลิฟท์ก่อนเสมอ หากไม่มีมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม โดยเฉพาะในด้านอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล หรือ PPE (Personal Protective Equipment) ซึ่งหนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ “ผู้ขับขี่รถโฟล์คลิฟท์จำเป็นต้องสวมหมวกนิรภัยหรือไม่?”
มาดูความเสี่ยงของการขับขี่รถโฟล์คลิฟท์กันก่อน
ถึงแม้ผู้ขับรถโฟล์คลิฟท์จะนั่งอยู่ภายในตัวรถ ซึ่งอาจมีหลังคานิรภัย (Overhead Guard) คอยป้องกันสิ่งของตกหล่นได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยจากทุกสถานการณ์ อุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นมีหลายประเภท เช่น:
- วัตถุตกจากที่สูง เช่น พาเลท สินค้า หรือวัสดุก่อสร้าง
- การพลิกคว่ำของรถโฟล์คลิฟท์ โดยเฉพาะเมื่อเลี้ยวแรงเกินไปหรือบรรทุกน้ำหนักเกิน
- การชนกับโครงสร้าง หรือสิ่งกีดขวาง
- การตกจากรถ (ในกรณีที่ผู้ขับขี่ลุกขึ้นหรือนั่งไม่ถูกวิธี)
- จากความเสี่ยงเหล่านี้ หมวกนิรภัยจึงถือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดความรุนแรงของการบาดเจ็บบริเวณศีรษะในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นจริง
ข้อกำหนดตามกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัย
ในประเทศไทย กฎหมายด้านความปลอดภัยในการทำงาน โดยเฉพาะ ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับรถยก (โฟล์คลิฟท์) และ พ.ร.บ. ความปลอดภัยฯ ได้กำหนดไว้ว่า นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลให้เหมาะสมกับลักษณะของงานที่ทำ
นอกจากนี้ ยังมีมาตรฐานอื่น ๆ ที่แนะนำหรือบังคับใช้ เช่น:
- กฎ OSHA (Occupational Safety and Health Administration) ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากวัตถุตกใส่ศีรษะ จะต้องสวมหมวกนิรภัยที่ผ่านมาตรฐาน ANSI Z89.1
- มาตรฐาน ISO 3691-1:2020 ซึ่งครอบคลุมความปลอดภัยของรถยก อธิบายถึงโครงสร้างของรถยก รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ แต่ยังคงแนะนำให้ใช้ PPE เสริมในกรณีที่พื้นที่ทำงานมีความเสี่ยง
- ในกรณีของประเทศไทย แม้กฎหมายจะไม่ได้ระบุชัดเจนว่า “ผู้ขับโฟล์คลิฟท์ต้องใส่หมวกนิรภัย” แต่หากพื้นที่ปฏิบัติงานมีความเสี่ยงจากวัตถุตกจากที่สูง หรือมีการเคลื่อนย้ายสินค้าอยู่ตลอดเวลา นายจ้างและผู้ปฏิบัติงาน มีหน้าที่ตามกฎหมายในการสวมใส่หมวกนิรภัย เพื่อความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน
แนวปฏิบัติที่ดีในสถานประกอบการ
องค์กรที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง มักบังคับใช้แนวปฏิบัติที่เข้มงวดเกี่ยวกับ PPE รวมถึงการสวมหมวกนิรภัยระหว่างขับรถโฟล์คลิฟท์ โดยแนวปฏิบัติเหล่านี้ครอบคลุม:
- ตรวจสอบหมวกนิรภัยก่อนใช้งาน เช่น ความสมบูรณ์ของสายรัด รอยร้าว หรือการหมดอายุ
- เลือกหมวกนิรภัยที่ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น มาตรฐาน มอก. หรือ ANSI
- กำหนดโซนเสี่ยงที่ต้องสวมหมวกนิรภัยอย่างเคร่งครัด
- การสวมหมวกนิรภัยแม้ในกรณีที่มีหลังคานิรภัยของโฟล์คลิฟท์อยู่แล้ว ก็ยังถือเป็นการ เพิ่มระดับความปลอดภัย อย่างมีนัยสำคัญ เพราะในบางเหตุการณ์ เช่น ของตกจากมุมเอียง หรือของกระเด็นจากที่สูง อาจหลุดรอดหลังคานิรภัยลงมาได้
บทสรุป
แม้กฎหมายอาจไม่ได้ระบุแบบชัดเจนในทุกกรณี แต่ในการขับรถโฟล์คลิฟท์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเคลื่อนย้ายสินค้า หรือมีความเสี่ยงจากของตกจากที่สูง ควรสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่อาจรุนแรงถึงชีวิต
การสวมหมวกนิรภัยถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อชีวิตของตนเอง และช่วยสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กรให้เข้มแข็งขึ้นในระยะยาว
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน. (2561). กฎกระทรวง เรื่อง การจัดทำมาตรการความปลอดภัยในการใช้รถยก
- Occupational Safety and Health Administration (OSHA). (2023). Head Protection – 29 CFR 1910.135.
- https://www.osha.gov/head-protection
- International Organization for Standardization. (2020). ISO 3691-1:2020 – Industrial trucks — Safety requirements and verification.
- ANSI Z89.1-2014. American National Standard for Industrial Head Protection.