โรคฮีทสโตรก คืออะไร ป้องกันอย่างไร

โรคฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด

โรคภัยไข้เจ็บ เป็นสิ่งที่จะตามมาเมื่อร่างกายของเรานั้นอ่อนแอ โดยอาการของโรคภัยเหล่านี้ย่อมแสดงผลออกมาไม่เหมือนกัน ซึ่งมันก็แล้วแต่ร่างกายของคน ๆ นั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะออกมาในรูปแบบของปวดหัว ตัวร้อน เป็นหวัด ไข้ขึ้น จนไปถึงอาการบกพร่องภายในร่างกายที่ส่งผลทำให้เราต้องเจ็บป่วย และหากปล่อยไว้นานเข้า ก็อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตเลยก็เป็นได้ โดยเฉพาะในช่วงวัยเรียนจนไปถึงวัยทำงาน ซึ่งเป็นวัยที่จะต้องทำกิจกรรมหรือทำงานอย่างหนักที่สุด ซึ่งการกระทำดังกล่าวในบางครั้ง ก็ส่งผลทำให้คน ๆ นั้นอาจไม่ได้พักผ่อนเลยก็ได้ ซึ่งนั่นก็จะส่งผลทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมและเจ็บป่วยได้นั่นเอง และหนึ่งในโรคที่มีสาเหตุมาจากการทำงานอย่สงหนักโดยไม่ได้พักผ่อนเลยก็คือ โรคฮีทสโตรก

ฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด เป็นโรคที่จะเกิดขึ้นในภาวะวิกฤตที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายได้ ซึ่งส่งผลทำให้อุณหภูมิในร่างกายเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และรูขุมขนจะปิดจนไม่สามารถระบายความร้อนได้ ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้นานเกินกว่า 2 ชั่วโมง โดยไม่ได้ทำการระบายความร้อนเลย ผลกระทบก็จะทวีความรุนแรงมากขึ้นต่อระบบหัวใจ สมอง ไต และกล้ามเนื้อ ที่จะนำมาซึ่งความอันตรายที่ถึงแก่ชีวิตเลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุการเกิดโรคนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1. Classical Heat Stroke ซึ่งจะเกิดจากความร้อนที่เกิดจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติทั่วไป ซึ่งจะพบบ่อยในผู้ที่มีอายุมาก ตั้งแต่วัยผู้ใหญ่จนถึงวัยชราและมีโรคประจำตัว โดยมีอาการที่สำคัญ คือ อุณหภูมิร่างกายสูง ไม่มีเหงื่อ 

2. Exertional Heat Stroke เกิดจากการออกกำลังกายที่หักโหมเกินไป ซึ่งมักจะเกิดในหน้าร้อน โดยมีอาการคล้ายกับ Classical แต่ต่างกันตรงที่จะมีเหงื่อออก พร้อมกับมีอาการแทรกซ้อน ได้แก่ ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง ระดับฟอสฟอรัสในเลือดสูง ระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ และพบไมโอโกลบินในปัสสาวะด้วย ซึ่งจะพบมากในหมู่กลุ่มผู้ใช้แรงงาน นักกรีฑา ทหาร ผู้สูงอายุ เด็ก คนอดนอน คนดื่มเหล้าจัด และผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงด้วย เป็นต้น

นอกจากนี้ ผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็น ฮีทสโตรกนั้น ส่วนใหญ่จะเป็น

  • เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ 
  • ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง หรือโรคประจำตัว 
  • ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินหรืออ้วน
  • ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดดเป็นเวลานาน
  • ผู้ที่ทำงานออฟฟิศ ที่ทำงานในห้องแอร์เป็นเวลานานแล้วออกมาเจอกับอากาศร้อนจัด จนร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งส่งผลทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่มากกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์

ซึ่งอาการของโรคฮีทสโตรกนั้นจะเริ่มส่งสัญญาณเตือนด้วยอาการดังต่อไปนี้

  • อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
  • ผิวหนังเริ่มร้อน แต่ไม่มีเหงื่อออก
  • ความดันโลหิตลดลง
  • ใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว
  • กระหายน้ำมาก
  • วิงเวียน ปวดศีรษะ มึนงง หน้ามืด
  • คลื่นไส้ อาเจียน 
  • เริ่มชักกระตุก เกร็ง และหมดสติไป
  •  

นอกจากนี้ถ้าหากเราได้ไปพบเจอกับผู้ที่กำลังเป็นฮีทสโตรกอยู่สิ่งที่เราควรจะทำก็คือปฐมพยาบาลเบื้องต้นจนกว่าจะมีรถพยาบาลมารับ

  1. รีบนำคนป่วยเข้าไปอยู่ในที่ร่ม และควรเป็นสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเท เพื่อทำให้อุณหภูมิลดลง
  2. ให้คนป่วยนอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
  3. คลายเสื้อผ้าให้หลวม เพื่อคลายอุณหภูมิให้ลดลง
  4. ใช้ผ้าชุบน้ำเย็น หรือน้ำแข็งประคบตามซอกคอ ตัว รักแร้ ขาหนีบ หน้าผาก ซึ่งถือว่เป็นจุดศูนย์รวมความร้อน และใช้พัดลมช่วยเป่าระบายความร้อน เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายให้ต่ำลงอย่างรวดเร็วที่สุด
  5. หากยังมีสติอยู่ ควรให้ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

ในระหว่างนี้เอง สิ่งที่เราควรจะทำ นั่นก็คือต้องดูว่าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติอะไรเพิ่มอีกบ้าง ถ้าพบว่ามีการหายใจที่ผิดปกติ ควรทำ CPR และโทร 1669 เพื่อเรียกรถพยาบาลมารับอย่างรวดเร็ว ถ้าหากผู้ป่วยยังมีอาการดีอยู่ เราก็สามารถนำผู้ป่วยเข้ามาในที่ร่มได้ พร้อมกับให้ดื่มน้ำเข้าไปมาก ๆ และพยายามลดอุณหภูมิของร่างด้วยการใช้น้ำแข็ง แล้วให้ผู้ป่วยนอนอยู่ในตรงนั้น ถ้ามีพัดลม เราสามารถเปิดพัดลมได้ และในส่วนของการใช้ผ้าชุบน้ำนั้น ถึงแม้จะไม่ได้ผลกับผู้ป่วยฮีทสโตรกมากนัก แต่ก็ยังถือว่าใช้ได้อยู่ โดยใช้วิธีเช็ดสวนขึ้นมาเข้าทางหัวใจ และเปิดพัดลมตามด้วยนั่นเอง 

เพราะฉะนั้นแล้ว เราคงจะเห็นแล้วว่า ฮีทสโตรกนั้น จะนำมาซึ่งอาการที่ไม่พึงประสงค์หลายอย่างแน่ ดังนั้น สิ่งที่เราควรจะทำเพื่อทำให้ตัวเรารอดพ้นจากอาการดังกล่าวนี้ก็คือ การเรียนรู้วิธีป้องกันตัวเองจากโรคฮีทสโตรกนั่นเอง ซึ่งจะมีวิธีการดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องอยู่กลางอากาศอันร้อนจัด
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดีและป้องกันแสงแดดได้
  • จิบน้ำบ่อย ๆ อย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา รวมถึงกาแฟ และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
  • อย่าทิ้งเด็ก ผู้สูงอายุ สัตว์เลี้ยง หรือผู้มีโรคประจำตัวไว้ในรถที่จอดอยู่กลางแจ้ง
  • สำหรับผู้ที่ออกกำลังกาย ควรมีการอบอุ่นร่างกายก่อนทุกครั้ง และควรออกกำลังกายในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเท
  • สวมแว่นกันแดด และหมวกปีกกว้าง
  • สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว หากพบอาการผิดปกติ ควรจะพบแพทย์ทันที
  • ก่อนออกจากบ้านควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไป 

ดังนั้นแล้ว เราจะเห็นได้ว่า ฮีทสโตรก ถือว่าเป็นภัยร้ายแรงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคนเราในปัจจุบันได้อย่างมากมายและมหาศาล เพราะอาการของมันจะทำให้ผู้ที่มีลักษณะเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย ได้รับความทรมานจากอุณหภูมิในร่างกายที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้น การดูแลตัวเองเพื่อที่จะทำให้ตัวเองของโรคนี้ จึงถือว่เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากนั่นเอง