สายส่งน้ำดับเพลิงเป็นสายที่ผลิตและออกแบบมาให้สามารถรับแรงดันสูงได้ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการดับเพลิง NFPA สายดับเพลิงมีมากมายหลายชนิด ขึ้นอยู่กับการผลิตของประเทศนั้นๆ เช่น ประเทศจีน, ไต้หวัน, ออสเตรเลีย, ไปจนถึงอเมริกา คุณภาพราคาก็แล้วแต่ว่าผลิตมาจากประเทศไหนสายดับเพลิงควรทำการตรวจสอบทุกๆ 1 เดือน ตามกฎหมายการตรวจระบบดับเพลิง Fire pump system
วัสดุที่ใช้ผลิตสายดับเพลิงแบ่งออกเป็น 2 แบบ
1.สายดับเพลิงวัสดุที่ทำจากผ้า
ผิวชั้นนอกสุดทำจากเส้นใยสังเคราะห์ โพลีเอสเตอร์ คุณภาพดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตว่าจะมีการนำเส้นใยชนิดอื่นมาผสมมากน้อยแค่ไหนซึ่งถ้าผสมมากก็จะราคาถูกแต่ก็ขาดง่ายเป็นต้น
2.สายดับเพลิงวัสดุที่ทำจากยาง
ผลิตขึ้นจากยางชนิดต่างๆ เช่น ยางธรรมชาติ, ยางสังเคราะห์ เช่น ยูรีเทน, ไนไตร เป็นต้น
ข้อแตกต่างของชนิดยางธรรมชาติ และยางสังเคราะห์นั้นคือ ยางธรรมชาติถ้าเก็บไว้นานจะสายจะยึดละลายเหนียวติดกันคล้ายหนังยางแต่สำหรับชนิดยางสังเคราะห์แล้วจะไม่เป็นคือเมื่อถึงเวลาจะหลุดและขาดไปเอง ยางสังเคราะห์นั้นก็มีข้องแต่ต่างกันอยู่เช่น ยูรีเทนจะเบากว่า ไนไตรเป็นต้น
สายส่งน้ำที่ผลิตจากยางมีส่วนประกอบดังนี้
สายแบบยางนั้นด้านในกับด้านนอกจะใช้วัสดุตัวเดียวกันกับยางไนไตร เหตุผลก็เพราะยางชนิดนี้จะสามารถทนกรด, ด่าง และ การขูดขีดได้ค่อนข้างดี จะมีการเสริมความแข็งแรงของสายโดยใช้เส้นใยไนล่อนเสริมเข้าไปเพื่อให้สายสามารถทนแรงดันได้สูงขึ้น
สายทั้ง 2 แบบนี้มีข้อดีข้อเสียต่างกันดังนี้
1. สายแบบยางนั้นจะสามารถทนกรด,ด่าง และรังสีอุลตร้าไวโอเลตได้ค่อนข้างดีในขณะที่สายแบบผ้านั้นอาจจะแพ้ กรด, ด่างบางชนิดถึงขนาดว่าถ้าโดนเข้าไปแล้วสายอาจจะเปื่อยยุ่ย
2. สายแบบผ้านั้นต้องการ การดูแลรักษาที่ค่อนข้างมาก หากเป็นไปได้ควรทำความสะอาด และ ตากให้แห้งเพราะจะได้ไม่เกิดเชื้อราขึ้น ส่วนสายแบบยางนั้นเราดูแลรักษาค่อนข้างง่ายแต่ก็ควรทำความสะอาดและตรวจสอบก่อนใช้งานเสมอ
3. สายแบบยางนั้นจะไม่ค่อยทนต่อการขูดขีดที่เกิดจากกะจก, สังกะสี หรือสิ่งอื่นใดที่มีความคม ส่วนสายผ้านั้นหากเจอสิ่งเหล่านี้จะทนได้ดีกว่า แต่ถ้าเป็นตะปูอันนี้ก็ไม่รอดทั้งคู่
คุณสมบัติข้างต้นจึงทำให้สายดับเพลิงชนิดยาง มีราคาสูงกว่าสายผ้าเกือบครึ่ง แต่ถ้าเราซื้อสายดับเพลิงแบบยางในราคาที่สูง แล้วนำมาใช้งานครั้งแรกก็เกิดการแตกรั่วจากของมีคม ก็จะกลายเป็นการเสียเงินแพงโดยเปล่าประโยชน์ แต่ถ้าเราใช้สายดับเพลิงแบบผ้าแล้วเพิ่มการดูแลรักษาให้มากขึ้นจะเกิดประโยชน์ เพราะในงานดับเพลิงนั้นเรามีโอกาสที่จะเจอของมีคมได้ค่อนข้างสูง ส่วนสายดับเพลิงแบบยางนั้นเหมาะกับงานในกลุ่มของปิโตรเคมีมากกว่า
สายดับเพลิงมีกี่ขนาด
สายส่งน้ำที่มีขายในท้องตลาดทั่วไปในประเทศไทยนั้นมีอยู่ 3 ขนาด
1. สายดับเพลิง ขนาด 1.5 นิ้ว
2. สายดับเพลิง ขนาด 2 นิ้ว
3. สายดับเพลิง ขนาด 2.5 นิ้ว
สายส่งน้ำนั้นจะมีขนาดให้เลือกใช้มากมาย เริ่มตั้งแต่ 1 นิ้ว ไปจนถึง 12 นิ้ว ผู้อ่านบางท่านอาจจะชักเริ่มสงสัยแล้วว่า สายขนาด 12 นิ้ว เนี่ยจะถือไหวรึ สายขนาดนี้ในต่างประเทศจะไว้ใช้ส่งน้ำ
ขอแนะนำข้อมูลของสายแค่ 2 ชนิดก่อนก็แล้วกัน คือขนาด 1.5 นิ้ว และ 2.5 นิ้ว ซึ่งเป็นสายที่ได้รับความนิยมอย่างมากในบ้านเรา
สายส่งน้ำแต่ละขนาดนั้นมี ข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ยิ่งสายดับเพลิงที่มีใหญ่กว่าก็จะสามารถจ่ายน้ำได้ในปริมาณที่มากกว่า แต่ถ้าพูดถึงความแรงแล้ว สายดับเพลิงที่มีขนาดเล็ก เช่นสายดับเพลิงขนาด 1.5 นิ้ว นั้นจะสามารถทำแรงดันเพื่อส่งน้ำดับเพลิงได้ดีกว่าเป็นต้น
คุณสมบัติของสายดับเเพลิงทั้ง 2 ชนิด
1. ปริมาณการจ่ายน้ำสายดับเพลิงขนาด 1.5 นิ้ว จะสามารถจ่ายปริมาณน้ำได้ประมาณ 150 GPM ในขณะที่สายดับเพลิงขนาด 2.5 นิ้ว จะจ่ายน้ำได้ถึง 400 GPM ซึ่งจะเปรียบเทียบได้ในหัวข้อต่อไป
2. น้ำหนักของสายดับเพลิงขนาด 1.5 นิ้วนั้น ที่ขนาดความยาวประมาณ 50 ฟุตหรือ 15 เมตรนั้นจะหนัก 5 กิโลกรัมแต่ถ้าเป็นสายดับเพลิงขนาด 2.5 นิ้วจะหนักถึง 10 กิโลกรัม
เห็นได้ว่าน้ำหนักจะต่างกันถึงครึ่ง นี่เป็นน้ำหนักสายเปล่า ยิ่งถ้ามีน้ำอยู่เต็มสายด้วยแล้วน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว เรื่องราวของสายส่งน้ำดับเพลิงที่กล่าวมาข้างต้นแบบคร่าวๆ ครั้งหน้าเราจะมีพูดถึงมาตารฐานของสายและสายชนิดแบบของสายในรูปแบบอื่นๆอีกเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้งานต่อไป
ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ Fire alarm systemนอกจากนี้เมื่อกล่าวถึงอุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวกับระบบดับเพลิงแล้ว สิ่งที่จะลืมไม่ได้เลยคือ ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ เป็นสิ่งที่ต้องมาคู่กันและสำคัญไม่แพ้กัน โดยระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้นั้น ก็ต้องได้รับการตรวจอยู่เป็นประจำ ตามรอบที่กฎหมายกำหนดเช่นกัน